![]() |
![]() |
![]() |
#1 |
Join Date: Mar 2009
Posts: 4,357
Thanks: 3,599
Thanked 9,350 Times in 2,660 Posts
|
![]()
เบนซ์เปิดตลาด รถไฟฟ้า กับเอสยูวีใหม่แกะกล่องชื่อ EQC
https://mgronline.com/motoring/detail/9610000089081 เบนซ์เปิดตลาด รถไฟฟ้า กับเอสยูวีใหม่แกะกล่องชื่อ EQC เผยแพร่: 5 ก.ย. 2561 17:56 โดย: ผู้จัดการออนไลน์ อย่างที่ทราบกันดีว่า ในปี 2020 จะเป็นช่วงเวลาที่หลายค่ายรถยนต์ในเยอรมนีเริ่มคิกออ ฟการกระตุ้นให้ตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบบ BEV หรือ Battery Electric Vehicle จึงไม่น่าแปลกใจที่จะได้เห็นใครเริ่มออกตัวก่อนด้วยก ารเปิดตัวผลผลิตในกลุ่มนี้ โดยทางเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประกาศเดินหน้าลุยตลาดรถยนต์ BEV กับรุ่นใหม่แกะกล่องที่มากับตัวถังเอสยูวีสุดหรูในชื ่อ EQC งานนี้ถือเป็นการเปิดศึกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าระดับหรูให้ร ้อนระอุ เพราะขณะที่บีเอ็มดับเบิลยูเคยเปิดตัวต้นแบบที่ชื่อว ่า iX3 Concept เมื่อกลางปีนี้ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ฮ็อตเท่ากับเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่ชูจุดเด่นด้วยการพัฒนาตัวรถยนต์ขึ้นมาใหม่ทั้งคัน และอ้างอิงพื้นฐานจากเอสยูสีขนาดกลางในระดับเดียวกับ GLC หรือกลุ่มเดียวกับ E-Class ขณะที่ iX3 นั้นเป็นการต่อยอดการพัฒนามาจาก X3 ที่เป็นตลาดระดับรองลงมา ในแง่มิติตัวถังถือว่าออกมารองรับกับความต้องการใช้ง านตามแบบฉบับเอสยูวีขนาดกลางด้วย ความยาว 4,761 มม. กว้าง 1,884 มม. สูง 1,624 มม. และระยะฐานล้อ 2,873 มม. ขณะที่รูปทรงเป็นแบบ 5 ประตูที่ออกสปอร์ตนิดๆ เพราะว่าตัวถังด้านท้ายมีแนวหลังคาที่ลาดเทต่ำในสไตล ์สปอร์ต ขณะที่โครงรถโดยรวมมีลักษณะคล้ายกับ GLC มาก ต่างกันแค่เส้นสายบนตัวถังด้านท้ายตรงแนวของขอบกระจก ตรงเสาหลัง ส่วนรายละเอียดของรูปลักษณ์ทั้งด้านหน้า และด้านหลังมีการสร้างสรรค์ขึ้นใหม่เพื่อให้ดูล้ำสมั ย และสวยสปอร์ต ภายในของรถเอสยูวีไฟฟ้ารุ่นแรกจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้รับการออกแบบให้ดูสะอาดตาและล้ำหน้า โดยใช้จอไวด์สกรีนความละเอียดสูงในการแสดงข้อมูล พร้อมกับระบบ Infitainment ใหม่ MBUX ซึ่งใช้ AI ในการเรียนรู้การใช้งานต่างๆ ของผู้ขับ และระบบควบคุมการทำงานด้วยเสียง หัวใจหลักของการขับเคลื่อนเป็นงานของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัวที่มีกำลังการผลิต 408 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 77.9 กก.-ม. ภายใต้การขับเคลื่อนในรูปแบบ 4 ล้อ โดยที่มอเตอร์ทั้ง 2 ตัวจะรับกระแสไฟฟ้าจากแบตเตอรี่แบบลิเธี่ยมไอออนที่ม ีความจุ 80 kWh และถูกติดตั้งไว้ที่พื้นรถระหว่างล้อหน้า-หลัง ซึ่งจากการออกแบบระบบให้มีการทำงานอย่างยอดเยี่ยมและ บริหารการใช้กระแสไฟฟ้าในตัวรถได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้จากการทดสอบของยุโรป NEDC สามารถทำระยะทางได้ถึง 450 กิโลเมตรจากการชาร์จ 1 ครั้ง ส่วนสมรรถนะในการขับเคลื่อนก็ไม่ธรรมดา ใช้เวลาเพียง 5.1 วินาทีสำหรับการทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง แต่ความเร็วสูงสุดล็อกเอาไว้ที่ 180 กิโลเมตร/ชั่วโมง ส่วนรูปแบบการขับก็มีให้เลือกถึง 5 แบบ คือ Comfort, Eco, Max Range, Sport และอีก 1 สำหรับการเลือกปรับเองโดยผู้ขับขี่ ในเรื่องการชาร์จนั้น นอกจากการชาร์จตามแท่นชาร์จสาธารณะแล้ว ทางเมอร์เซเดส-เบนซ์ ยังมี Wall Charger หรือที่เรียกว่า Wallbox แยกออกมาให้ด้วยสำหรับการชาร์จที่บ้าน ซึ่งการชาร์จผ่านทางชุดชาร์จเจอร์ตัวนี้สามารถทำงานไ ด้เร็วกว่าการชาร์จผ่านทางสายไฟปกติถึง 3 เท่า ส่วนการชาร์จตามแท่นชาร์จปกตินั้นใช้เวลาเพียง 40 นาทีในการขยับระดับของกระแสไฟฟ้าในแบตเตอรี่จาก 10 มาเป็น 40% นอกจากนั้นเพื่อให้รองรับกับการใช้งานทั่วโลกเมอร์เซ เดส-เบนซ์ ยังติดตั้งหัวชาร์จไฟให้รองรับการใช้งานทั่วโลกทั้งแ บบ CCS (Combined Charging Systems) ในยุโรป และสหรัฐฯ, CHAdeMO ในญี่ปุ่นหรือ GB/T ในจีน แม้ว่าจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า แต่ระบบความปลอดภัยก็มาเต็มพิกัดเหมือนกับรถยนต์ทั่ว ไป ซึ่งก็มีทั้งระบบ Pre-Safe ที่จะช่วยลดความรุนแรงในการชน หรือหลีกเลี่ยงการเกิดอุบัติเหตุ ระบบ Distronic สำหรับรักษาระยะจากรถยนต์คันหน้า พร้อมกับสติกเกอร์ QR Code ที่เป็นเฉพาะของรถยนต์แต่ละคันเอาไว้ที่เสา B-Pillar ซึ่งเมื่อทีมงานช่วยเหลือมาถึงก็สามารถสแกน QR Code นี้เพื่อรับทราบข้อมูลต่างๆ ที่ผู้เป็นเจ้าของระบุเอาไว้ การผลิต EQC จะมีขึ้นที่โรงงานในเมืองเบรเมน ประเทศเยอรมนี ซึ่งโรงงานแห่งนี้ทางเมอร์เซเดส-เบนซ์ ตั้งเป้าว่าจะต้องเป็นโรงงาน Carbon-Free ในปี 2022 เพื่อให้สมกับการเป็นไลน์ผลิตรถยนต์ปลอดมลพิษ ส่วนการทำตลาดจะเริ่มขึ้นประมาณกลางปี 2019 โดยยังไม่มีการเปิดเผยราคาออกมาในตอนนี้ |
![]() |
![]() |
![]() |
Thread Tools | Search this Thread |
Display Modes | |
|
|