![]() |
![]() |
|
![]() |
|
Thread Tools | Search this Thread | Display Modes |
![]() |
#1 |
Join Date: Mar 2009
Posts: 4,353
Thanks: 3,596
Thanked 9,346 Times in 2,658 Posts
|
![]()
การเปลี่ยนปั้มน้ำเครื่องยนต์ M 111 ในรถ C-Class W202 C220
เครื่องมือที่ใช้ สำหรับรถคันของผมเปลี่ยนเป็นพัดลมไฟฟ้าแล้วเครื่องมื อที่ใช้มีดังนี้.- ![]() 1.ไขควง(แบนหรือสี่แฉกตามแต่สกรูที่ขันอยู่ที่สายน้ำ ที่ ตัวปั๊ม) กรณีคันของผมเป็นไขควงแบน 2.ด้ามก๊อกแก๊ก พร้อมลูกบล๊อกเบอร์ 10/13/15 3.หกเหลี่ยมขนาดพอดีกับน๊อตที่ขันพุลเล่ย์สายพานที่ ปั๊มน้ำ 4.ถุงพลาสติกขนาดพอเหมาะที่จะนำมาหุ้มกันน้ำเข้าไปเป ียกทุ่นไดชาร์จ กรณีเครื่องยนต์ยังเดิม ๆ ต้องมีประแจขันน๊อตล๊อคพัดลมเครื่องและตัวจับเพิ่มอี ก 1 ชุด รถใครเปลี่ยนเป็นพัดลมไฟฟ้าแล้วก็ง่ายกว่าหน่อย ![]() การถอดปั๊มน้ำ 1.เอาถุงพลาสติกที่เตรียมไว้หุ้มไดชาร์จกันน้ำเข้าไป เปียก 2.ใช้ไขควงคลายสกรูรัดท่อน้ำ (มี 3 จุด) ออกให้หลวม ๆ ยังไม่ต้องเอาออกตอนนี้ก็ได้ หรือถ้าถนัดก็เอาออกก็ตามใจ ![]() ![]() ![]() 3.ยังไม่ต้องถอดสายพาน เอาหกเหลี่ยมคลายน๊อตที่ยึดพุลเล่ย์พัดลมออก เพียงแต่คลาย ยังไม่ต้องเอาน๊อตออกตอนนี้ 4.เมื่อคลายน๊อต(มี 4 ตัว) ยึดพุลเล่ย์ออกแล้ว ใช้ด้ามบล๊อกยาวพร้อมลูกบล๊อกเบอร์ 15 จับน๊อตยึดพุลเล่ย์ตัวปรับสายพาน กดด้ามบล็อค ลงไปตรง ๆ เอามือหยิบสายพานออก และจำทิศทางการคล้องไว้ ![]() จำไม่ได้ให้เอากระดาษและปากกามาเขียนการคล้องสายพานไ ว้ กันพระเอกตายตอนจบ 5.ถอดสายยางท่อน้ำออก จากตัวป๊มน้ำ ระวังอย่าให้น้ำไหลเข้าไปเปียกไดชาร์จ ปล่อยน้ำออกให้หมดเท่าที่จะให้มันออกไปได้ 6.ใช้ปะแจบล๊อกเบอร์ 10 และ 13 คลายน๊อตยึดปั๊มน้ำออก น๊อตยึดปั้มน้ำมีหลายตัว ขนาดไม่เท่ากัน ใส่แทนกันไม่ได้ ต้องจำตำแหน่งไว้ให้ดี ถ้ากลัวว่าจะจำไม่ได้ ก็ถอดทีละตัว เอามาเสียบไว้ในตำแหน่ง ของมันที่ปั๊มน้ำตัวใหม่ที่วางเตรียมไว้ 7.เมื่อถอดสกรู(น๊อต) ยึดปั้มน้ำออกหมดแล้ว ใช้มือเปล่า ๆ ดึงปั้มน้ำออกมาง่ายๆ ![]() 8.ใช้คัตเตอร์ ใหญ่ ๆ หรือ เหล็กโป๊ว(ถ้ามี) ขูดเศษปะเก็นและซิลิโคนที่ หน้าแปลนปั๊มตัวเก่าที่เครื่องยนต์ให้สะอาดเอี่ยมจริ ง ๆ ห้ามมีเศษวัสดุติดหน้าแปลน น้ำจะรั่วภายหลัง ![]() 9.ในคำอธิบายวิธีประกอบที่มีมากับปั้มน้ำเขาบอกว่า ถ้าไม่มีปะเก็น ให้ใช้ซิลิโคนปะเก็นเพียง เล็กน้อยทาหน้าแปลนนี้บาง ๆ ถ้าเป็นดังนี้ กรณีที่เรามีปะเก็น(ซื้อปั๊มน้ำมาใหม่มีปะเก็นใหม่ให ้มาด้วยเสมอ) ก็ไม่ต้องทาซิลิโคน ปะเก็น อันนี้แล้วแต่แต่ผมไม่ได้ใช้ซิลิโคนปะเก็น เพราะไม่ได้ซื้อมาครับ 10.เอาปั๊มน้ำตัวใหม่ที่เราเสียบน๊อตไว้ในตำแหน่งที่ ถูกต้องของมันแล้ว พร้อมกับเอาประเก็น คล้องน๊อตดันให้แนบกับหน้าแปลนของปั๊มน้ำตัวใหม่ ค่อย ๆ บรรจง ใส่ค่อยๆ ขยับ ๆ จนหน้าแปลนของปั้มน้ำ แนบกับหน้าแปลนของปั้มน้ำ(ด้านเครื่องยนต์) 11.เอามือหนึ่งประคองปั๊มน้ำไว้ อีกมือหนึ่งค่อย ๆ ไขน๊อตปั๊มน้ำเข้าไปจนสุด อาจจะใช้ด้ามต่อสั้นเสียบลูกปล๊อคค่อยๆ เอามือเปล่าขันเข้าไปให้สุด แน่นด้วยมือครบหมดทุกตัว 12.ตรวจดูความเรียบร้อยเบื้องต้น ถ้าเรียบร้อยดี ใช้ด้ามประแจบล๊อคใส่ลูกบล๊อคเบอร์ 10 และ 13 ค่อยขันน๊อตปั้มน้ำ เราขันเหมือนขันน๊อตล้อ คือตรงกันข้าม แต่เราต้องขันด้วยความ นิ่มนวลไม่ใช้แรงช้างนะครับ เพราะน๊อตเบอร์ 10 มันเล็กนิดเดียว และเสื้อเครื่องเป็นอลูมิเนียม ขันพอตึงมือ ขันแรงเกลียวรูดแล้วจะยุ่งมากมายนะครับ 13.ใส่พุลเล่ย์ปั๊มน้ำ ขยับให้เข้าที่แล้วค่อย ขันสกรูด้วยมือพอตึง ๆ มือ ยังไม่กวดแน่น 14.ใส่ท่อน้ำทุกท่อกลับคืน ในคู่มือของการติดตั้งปั้มน้ำเขาแนะนำให้เปลี่ยนท่อน ้ำทุกเส้นใหม่ หมดเลย กรณีนี้เจ้าของรถต้องพิจาณาดูแล้วกันนะครับว่าควรเปล ี่ยนหรือไม่ แต่เพื่อความ สบายใจ เปลี่ยนให้หมดตามคำแนะนำก็จะดีมาก 15.ใส่สายพานตามทิศทางที่ควรจะเป็น ทำตามขั้นตอนที่ถอดออกแต่ทำย้อนทาง 16. หลังจากใส่สายพานแล้วใช้หกเหลี่ยมขันสกรู(น๊อต) พุลเล่ย์พัดลมให้แน่น แต่ระวังไม่ต้องแน่นจนเกลียวรูด 17.เรื่องสำคัญ คู่มือการติดตั้งของปั๊มที่ใส่มาในกล่อง แนะนำให้ถ่ายน้ำหล่อเย็นเก่าทิ้งใช้ของ ใหม่หมดพร้อมเติมน้ำยาหล่อเย็น กรณีนี้ท่านก็ต้องพิจารณาว่าจะใช้น้ำหล่อเย็นเดิมต่อ ไป หรือจะถ่ายทิ้งล้างหม้อน้ำใหม่ตามคำแนะนำดี แต่ถ้าทำตามคำแนะนำ ผมก็ว่าดีไม่น้อย เพราะน้ำหล่อเย็นถ้าสกปรกมีมีเศษตะกอน อาจจะทำอันตรายต่อซีลปั๊มน้ำได้ 18.เติมน้ำสะอาด(อาจจะเป็นน้ำกรองที่ใช้รับประทาน)แล ะน้ำยาหม้อน้ำ ใส่ระบบน้ำหล่อเย็นให้เต็ม ตามคำแนะนำห้ามติดเครื่องยนต์โดยไม่มีน้ำหล่อเย็น ในระบบเป็นอันขาด เพราะอาจจะทำให้ซีลปั๊มน้ำชำรุดเสียหายได้ ตอนเติมน้ำ ก็บีบนวดท่อน้ำใหญ่ไล่ลมออกให้เหลือลมในระบบน้อยที่ส ุด 19.ตรวจเช็คความเรียบร้อยทุกจุดของการทำงานอีกครั้ง เมื่อเรียบร้อยแน่แล้ว ค่อยลองติดเครื่องยนต์ 20.ติดเครื่องยนต์ เปิดแอร์ ถ้าระบบแอร์ยังมีฮีตเตอร์ แนะนำให้เปิด ฮีตเตอร์ ให้น้ำร้อนหมุนวนในระบบทำความร้อน ทำงาน และให้ไล่ลมที่ค้างในระบบออกไป ในระบบให้หมด ให้เหลือแต่น้ำอย่างเดียวในระบบเพราะอาจจะสร้างปัญหา อื่นต่อไปได้ ใช้สายตามองดูที่ปั๊ม มีน้ำรั่วซึมออกจากหน้าแปลนหรือไม่ และดูหม้อพักน้ำด้วยว่าน้ำหล่อเย็น เต็มในระบบเรียบร้อยแล้วจริง ๆ ถ้าทุกอย่างเรียบร้อย ก็เป็นอันจบการทำงาน ปิดจ๊อปครับ ประหยัดเงินไป 300-500 บาท อนึ่งผมเขียนจากสิ่งที่ผมทำไป ผมไม่ใช่ช่างยนต์มืออาชีพ อาจจะไม่ตรงกับที่ช่างมืออาชีพ จริง ๆ เขาทำ โปรดพิจารณาก่อนนำไปใช้งานจริงนะครับ ผมนำเสนอเผื่อจะมีใครยังไม่เคย ทำด้วยตนเองและยังไม่เคยเห็นใครทำ แต่ฟิตอยากจะลองทำดู อาศัยเป็นแนวทางเท่านั้นครับ |
![]() |
![]() |
คำขอบคุณจาก : |
![]() |
#2 |
Join Date: Mar 2009
Posts: 4,353
Thanks: 3,596
Thanked 9,346 Times in 2,658 Posts
|
![]()
ขอบคุณที่ขุดกระทู้นี้ขึ้นมาอ้างอิง
วันนี้ 14 มกราคม 2017 ผมเปลี่ยนเมื่อ 21/8/2013 เกือบ 4 ปีเต็มแล้วที่ผมเปลี่ยนปั้มน้ำรถของผม ขอบอก ว่ายังปกติดีอยู่ทั้งไม่รั่วและไม่มีเสียงประหลาดๆ ให้รำคาญใจ ทุกอย่างเรียบร้อยดีครับ ปั้มน้ำยี่ห้อนี้ใช้ได้ดีทีเดียว |
![]() |
![]() |
คำขอบคุณจาก : |
![]() |
#3 |
Join Date: Mar 2009
Posts: 4,353
Thanks: 3,596
Thanked 9,346 Times in 2,658 Posts
|
![]()
ขอบคุณที่ขุดกระทู้นี้ขึ้นมาอ้างอิง
วันนี้ 5 กุมภาพันธ์ 2018 ผมเปลี่ยนเมื่อ 21/8/2013 เกือบ 5 ปีเต็มแล้วที่ผมเปลี่ยนปั้มน้ำรถของผม ขอบอก ว่ายังปกติดีอยู่ทั้งไม่รั่วและไม่มีเสียงประหลาดๆ ให้รำคาญใจ ทุกอย่างเรียบร้อยดีครับ ปั้มน้ำยี่ห้อนี้ใช้ได้ดีทีเดียว ผมอ่านที่ผมเคยเขียนไว้แล้วผมก็ขำ ตัวเองว่าครั้งหนึ่ง ในชีวิตเคยเปลี่ยนปั้มน้ำเครื่อง M111 รถเบนซ์เอง ได้ด้วยและใช้ได้มาเกือบ 5 ปีแล้ว ถึงวันนี้ผมคงไม่ เปลี่ยนแบบนี้อีกแล้ว หมดเวลาซ่อมรถเองของผมแล้ว |
![]() |
![]() |
คำขอบคุณจาก : |
![]() |
Thread Tools | Search this Thread |
Display Modes | |
|
|