![]() |
![]() |
|
![]() |
|
Thread Tools | Search this Thread | Display Modes |
![]() |
#1 |
Join Date: Jun 2013
Location: Bangkok, Thailand
Posts: 430
Thanks: 250
Thanked 1,088 Times in 332 Posts
|
![]()
ช่วงนี้มีพอมีเวลา เลยมานั่งวิเคราะห์/วางแผนการทำ preventive maintnance (บำรุงรักษาเชิงป้องกัน)
ให้กับเจ้าปลาวาฬลูกรัก เนื่องจากตอนนี้ก็เกือบ 20 ขวบเข้าไปแล้ว ก็เลยต้องดูแลกันเป็นพิเศษหน่อย ทฤษฎีผมกับการบำรุงรักษาครั้งนี้กับเครื่องยนต์รุ่นน ี้ (M104 ME) คือ สมองเป็นนายกายเป็นบ่าว ![]() เพราะเครื่องยนต์ตัวนี้มีการนำระบบไฟฟ้าเข้ามาควบคุม เป็นส่วนใหญ่ไปแล้ว เช่น คันเร่งไฟฟ้า หัวฉีด HFM - SFI เกียร์ไฟฟ้า ฉนั้น ประสาทสัมผัสที่คอยรายงานผลไปยังสมองหรือ ECU นั้นมีความสำคัญ อย่างยิ่งยวด พอจะนำมาไล่เรียงได้ดังนี้ 1. MAF sensor 2. Air Temp sensor (ใน ME ถูกรวมอยู่ใน MAF แล้วครับ) 3. Throttle Position sensor (เซนเซอร์ระบุตำแหน่งคันเร่ง) 4. Oxygen sensor 5. Coolant temp sensor 6. Knock sensor 7. Camshaft position sensor 8. Crankshaft Position Sensor 9. MAP sensor (เข้าใจว่าในรุนนี้ไม่มี) เหล่านี้จะเป็นเซนเซอร์ที่สำคัญต่อการทำงานของเครื่อ งยนต์ นอกจากนั้นที่คิดว่าจะทำก็คือเรื่อง คอยล์จุดระเบิด หัวเทียน ปลั้กคอยล์ ฯลฯ กะว่าจะค่อยๆทำไปตามเวลาที่เอื้ออำนวย อาจจะไม่เรียง ตามลำดับก่อน/หลัง เนื่องจากอะไหล่บางชิ้นหายากต้องสั่งมาไกล บางชิ้นหาง่ายที่ไหนก็มี ของล๊อตแรกที่สั่งมาก็จะเป็น coolant temp sensor / วาล์วน้ำ 87 องศา / วาล์วกักแรงดัน / คอยล์จุดระเบิด ( Bosch เบอร์002) / หัวเทียน เบอร์ F8DC4 /ปลั้กหัวเทียน ... ![]() ![]() ![]() ![]() |
![]() |
![]() |
คำขอบคุณจาก : |
![]() |
#2 |
Join Date: Jun 2013
Location: Bangkok, Thailand
Posts: 430
Thanks: 250
Thanked 1,088 Times in 332 Posts
|
![]()
เริ่มจาก coolant temp sensor กับ วาล์วน้ำ 87 องศา เนื่องก่อนหน้านี้เครื่องไม่ร้อน วิ่งไม่ค่อยออก
อุณภูมิเครื่องอยู่ที่ 80 ตลอด ซึ่งมันไม่ใช่อุณหภูมิปกติ (ปกควรจะอยู่ที่ 90 - 95) กินน้ำมันผิดปกติ เปิดวาล์วน้ำออกมาดูปรากฎว่าเป็น 71 ไม่รู้โดนเปลี่ยนมาตั้งแต่มะหรั่ย ![]() ![]() ![]() ![]() อันนี้เป็นวาล์วน้ำ 71 อันเดิม จัดการแทนที่ด้วย 87 ที่เป็นมาตรฐาน ![]() ![]() ลงประจำการยังฐานที่มั่น ![]() หลังจากเปลี่ยนแล้วดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดครับ คือถ้าระบบระบายความร้อนอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ ไม่มีตะกรันอยู่หม้อน้ำ ปั้มน้ำ หรือแม้แต่ในเสื้อสูบ ยังไงๆ วาล์วน้ำ 87 นั้นเหมาะสมกว่าและกว่า โดยเฉพาะกับเครื่องยนต์ HFM-SFI เพราะอุณภูมิที่ไม่ได้ระดับนั้นจะมีผลต่อการปรับ fuel trim (อัตราส่วนผสมน้ำมัน/อากาศ) โดยตรง อาจจะทำให้เผาไหม้ไม่สมบูรณ์ เครื่องเดินไม่เรียบเท่า ที่ควรและบริโภคน้ำมันมากกว่าปกติครับ |
![]() |
![]() |
คำขอบคุณจาก : |
![]() |
#3 |
Join Date: Jun 2013
Location: Bangkok, Thailand
Posts: 430
Thanks: 250
Thanked 1,088 Times in 332 Posts
|
![]()
ต่อไปจะเป็นคิวของ camshaft และ crankshaft position sensor ซึ่งสำคัญต่อเครื่องยนต์มากๆๆ
เจ้า cam sensor นะพอได้ รื้ออกมาไม่ได้ยากเย็นอะไร แต่ crank sensor นี่ซิครับ มันท้าทายสุดๆ บอกกก่อนนะครับว่าผมไม่ใช่อู่ ไม่มีแม้แต่แม่แรงยกรถ ฉนั้นจะทำไรที่ใต้ท้องรถก็ต้องนอนลอดไป ใต้ท้องรถสถานเดียว !! ถ้าท่านทราบว่า crankshaft position sensor อยู่ตรงไหนท่านคิดเป้นไปได้ ไหมที่จะเปลี่ยน crankshaft position sensor โดยไม่ต้องยกรถ ![]() ![]() ![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
#4 |
Join Date: Feb 2012
Location: Bangkok
Posts: 548
Thanks: 204
Thanked 264 Times in 135 Posts
|
![]()
ปูเสื่อชมครับ
|
![]() |
![]() |
![]() |
#5 |
Join Date: Feb 2012
Location: Bangkok
Posts: 548
Thanks: 204
Thanked 264 Times in 135 Posts
|
![]()
พี่ใช้ท่อยางน้ำของอะไรครัลดูดีใสกเลย
|
![]() |
![]() |
![]() |
#6 |
Join Date: Jun 2013
Location: Bangkok, Thailand
Posts: 430
Thanks: 250
Thanked 1,088 Times in 332 Posts
|
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
#7 |
Join Date: Jan 2008
Posts: 2,792
Thanks: 200
Thanked 2,841 Times in 1,167 Posts
|
![]()
L5 เปลี่ยนยากจนต้องพึ่งช่างที่อู่ซ่อม
ไม่ต้องรีบเปลี่ยนเครื่อง M104 ตัวนี้เสียยาก ช่างบอกซ่อมรุ่นนี้มา 20 ปีเจอตัวนี้เสียคันเดียว http://www.benzowner.net/forum/showthread.php?t=23336 |
![]() |
![]() |
คำขอบคุณจาก : |
![]() |
#8 | |
Join Date: Jun 2013
Location: Bangkok, Thailand
Posts: 430
Thanks: 250
Thanked 1,088 Times in 332 Posts
|
![]() อ้างถึง:
ที่เล็งๆ ไว้ตอนนี้ก็ CPS และ CKP (cam & crank position sensor) ครับ คิดๆไว้อย่างน้อยก็เอาออกมาตรวจดู ถ้าสภาพเริ่มดูไม่ดีก็ว่าจะเปลี่ยนเลยครับ เพราะรถวิ่งมา 17X,XXX โลแล้ว ถึงยังไม่มีอะไรเสียก็ควรวางแผนพร้อมรับมือ เพื่อป้องกันไว้ก่อน ก่อนที่จะต้องไปแวะกินข้าวลิงซะก่อน ![]() ![]() ![]() |
|
![]() |
![]() |
คำขอบคุณจาก : |
![]() |
#9 |
Join Date: Sep 2009
Posts: 55
Thanks: 12
Thanked 34 Times in 12 Posts
|
![]()
ชอบครับกระทู้แบบนี้ได้ความรู้ดี
|
![]() |
![]() |
คำขอบคุณจาก : |
![]() |
#10 |
Join Date: Jun 2013
Location: Bangkok, Thailand
Posts: 430
Thanks: 250
Thanked 1,088 Times in 332 Posts
|
![]()
ตอนนี้พยายามศึกษาเรื่องCRKจริงจัง บอกก่อนว่าผมเป็นคนซุกซนครับ ทำแล้วต้องให้สุด อิอิ
![]() เท่าที่อ่านข้อมูลจากพี่ๆใน BON ในกรทู้เก่าๆ เข้าใจว่าจะเป็น CKP ในw124เป็นหลัก ซึ่งกระแส หนึ่งสรุปว่าต้องถอด/คลาย มอเตอร์สตาร์ทก่อน เพื่อให้มีพื้นที่มากพอในการถอดเจ้า CKP ลิ้งค์นี้เป็น CKP ของเครื่อง M104 ใน w124 ในนี้แนะนำว่าคลาย starterออกจะทำให้ง่ายขึ้น http://www.pelicanparts.com/techarti...eplacement.htm ส่วนอีกกระแสหนึ่งเป็น CKP ใน S320 w140 1996 ซึ่งน่าจะใกล้เคียงกับของผมมากกว่า ในนี้ระบุว่าสามารถถอดเข้า CKP ได้โดยไม่ได้ต้องถอด starter แต่ถอด oil pressure sensor แทน โดยใช้ประแจเบอร์ 17 จากนั้นให้ประแจแบบ Allen (หกเหลี่ยม) ขนาด5mm ถอดเจ้า CKP ออกมาได้เลย อันนี้น่าสนใจ เริ่มมีความหวังเข้ามาและ งานน่าจะง่ายขึ้นกว่า w124 http://www.benzworld.org/forums/w140...on-sensor.html จากนั้นก็ต้องลองลอดไปใต้ท้องรถ อาจจะต้องเบียดเสียดเข้าไปหน่อย เพราะอ้วนกว่าแต่ก่อน ถ้าลอดเข้าไปได้ mission นี้ก็น่าจะสำเร็จไปด้วย รู้วิธีเปลี่ยนแล้วต่อไปจะได้ไม่ต้องเป็นกังวล สามารถซื้อมาเปลี่ยนได้ตลอดเวลา |
![]() |
![]() |
คำขอบคุณจาก : |
![]() |
#12 | |
Join Date: Jan 2014
Location: Ladproa, BKK
Posts: 5,346
Thanks: 3,228
Thanked 1,487 Times in 1,119 Posts
|
![]() อ้างถึง:
ผมเคยถอดมา พบว่าไม่มีประเก็นโลหะ แต่เจ้าของเก่าโดนช่างเล่นติดกาวไว้ พอแงะก็เลยแตก ดังที่ถูก สมช แซงว่า ทำพังเอง ซื้ออะไหล่เองมาเปลี่ยน และดีใจที่ซื้อได้ถูก ขอบคุณที่ชม ผมหาของได้ทั่วโลกจริงอย่างที่เค้าว่า เคยคิดจะเอามาแบ่งเพื่อน ๆ ราคาทุน เลิกโปรเจ๊กต์เพราะงานเยอะ ***ตอนท่านเริ่มโพส ที่บอกว่า Air Temp sensor ใน ME ถูกรวมอยู่ใน MAF แล้ว แต่คันผมยังมีอยู่ตรงท่อข้ามเครื่อง หากมีโอกาสถ่ายภาพ นำมาลงให้ชมบ้างนะครับ เผื่อผมจะย้ายตำแหน่ง เพราะตอนถอดท่อ ลืมดึงปลั้กออกบ่อย ตัวนี้ก็ไม่ควรถอดบ่อย เพราะเขี้ยวล็อคกรอบหมดแล้ว ดังผมทำDIYวิธีซ่อมชั่วคราวไว้ในห้องสมุด W140 S280 ปี 97 คันผมไมล์มากกว่าคันท่าน X2 ใช้เวลา 1 ปีเต็ม ตอนนี้วิ่งน้ำมันดีมาก เบาก็นิ่งสนิท เหมือนไม่ได้ติดเครื่อง เพียงแต่ใช้แก็สมีปัญหาตอนออกตัว กดไม่ไปทันที เหมือนรอรอบ แต่ไม่ดับนะ ก็เลยต้องศึกษาระบบแก็สเพิ่มอีก เพราะของเก่าเค้าใช้มาเกิน 4 ปี อีกเรื่องที่อยากทราบ ก็วาวล์น้ำตอนใช้ 71 เทียบกับตอนนี้ เข็มอุณหถูมิผันผวนยังไงบ้าง ผมถอดวาล์ไม่ออก ก็เลยถอดเฉพาะท่อยาง แล้วเอาแปรงสีฟันเข้าไปถู แหย่นิ้วเข้าไปกดสปริงก็ตอบสนองดี ใส่ท่อยางเติมน้ำคืน ไล่ลมน้ำเสร็จ ลองวิ่งทั้งวันความร้อนไม่เคยเกิน 95 ครับ Last edited by ืnusorn; 29-12-2014 at 07:49:29 PM. |
|
![]() |
![]() |
คำขอบคุณจาก : |
![]() |
#13 | |
Join Date: Jun 2013
Location: Bangkok, Thailand
Posts: 430
Thanks: 250
Thanked 1,088 Times in 332 Posts
|
![]() อ้างถึง:
ซึ่งก็เอาออกมาได้โดยง่ายครับ แต่ของผมไม่มีปะเก็นโลหะนะครับ มีแต่ซีลโอริงสีแดงๆอยู่อันนึง สภาพมีรอยปริหน่อย เอากาวตราช้างเพื่อสมานรอยปริ ปล่อยให้แห้ง แล้วนำกลับมาใช้ใหม่ได้ปกติ ![]() ![]() ![]() นี่เป็นหน้าตาของ CPS ที่ถูกติดตั้งใน ME ครับ ไม่มีปะเก็นโลหะนะครับ พี่ nusorn ลองดูว่าของพี่ เป็นแบบปลั้กกลมหรือปลั้กแบน ถ้าปลั้กกลมๆก็ไม่ใช่ ME ล่ะครับ อีกอย่าง Air temp sensor ก็ ไม่มีอยู่ตรงท่อข้ามเช่นกันครับ รุ่นก่อนนหน้าจะถูกติดตั้งอยู่ตรงมุมๆ ของท่อข้าม แต่ในME จะถูก รวมอยู่ใน MAF ตามรูปครับ ซึ่งมันมีรายละเอียดพอสมควรที่ต้องสังเกตุครับ อ้อ ลืมไป ปลั้กของ MAF ก็เป็นทรงแบนๆนะครับ ต่างจากรุ่นก่อนที่เป็นปลั้กกลมครับ ภาพนี้ผมถอดใส้ในของ MAF มาฉีดทำความสะอาด ด้วย contact cleaner ครับ สังเกตุดูจะมี temp sensor อยู่ข้างๆ ส่วนตัว MAF วัดอากาศจะอยู่ในรูตรงปลายครับ ![]() ![]() อันนี้ยืมรูปมาจาก www.pelicanpart.com เป็นปลั้ก MAF ใน ME ครับ ![]() ส่วนเรื่องวาล์วน้ำนี้เห็นชัดเจนครับ ตอนใช้ใช้วาล์ว 71 นั้นอุณหภูมิแกว่งมากครับ ทั่วไปจะอยู่ที่ 80 เจอสภาพในเมืองรถติดๆจะขึ้นมาถึงอุณภูมิปกติ (90-95) แต่พอวิ่งก็ลงมา 80 ใช้เวลาวอร์มเครื่อง ก็นาน ต่างจากวาล์ว 87 ที่เครื่องจะร้อนเร็วและคงที่อยู่ที่ 95 ครับ |
|
![]() |
![]() |
คำขอบคุณจาก : |
![]() |
#14 |
Join Date: Jun 2013
Location: Bangkok, Thailand
Posts: 430
Thanks: 250
Thanked 1,088 Times in 332 Posts
|
![]()
อันนี้เป็นน้ำยาที่ผมใช้ทำความสะอาดเจ้า MAF ครับ ก็ใช้ได้ดี เป็นแบบ non-residue ไม่ทิ้ง
สารตกค้าง ฉีดพ่นไปตามจุดสำคัญๆได้เลย บางท่านจะใช้น้ำยา MAF & throttle body cleaner ก็ได้ครับ ให้ผลเหมือนเหมือนกัน ฉีดเน้นตรงเซนเซอร์จับมวลอากาศที่ในรูตรงปลาย จากนั้นก็ฉีดตรง air temp sensor ท้งไว้ให้แห้งก็จัดการประกอบกับเข้าที่ได้เลยครับ ![]() ![]() ![]() หลังจากทำความสะอาดเครื่องยนต์ก็เดินเรียบปกติครับ เพราะผมทำอยู่เป็นประจำ ทุกๆ 2-3 หมื่นโล แต่บอกก่อนนะครับว่าเป็นการทำตามความสะดวกของผม ไม่ได้อิง กับหลักวิชาใดๆทั้งสิ้น เพราะในคู่มือก็ไม่ได้มีระบุเกี่ยวกับการทำความสะอาด MAFแต่อย่างใด แต่ทิ้งไว้นานๆเกินโดยไม่ได้ดูแลก็อาจทำให้เครื่องยน ต์ทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพได้ครับ เพราะ ฝุ่นและสิ่งสกปรกจะเข้าไปอุดตันทำให้เซนเซอร์รายงานค ่าที่ผิดเพี้ยนไปยัง ECU เคยเจอหนัก ถึงขั้นสาตาร์ทไม่ติด(รถเพื่อน) ต้องลากไปอู่ ถอด MAF ออกมาเป็นฝุ่นเกาะเลาะเลยครับเกิน เยียวยา พอเปลี่ยน MAF ใหม่ก็หายเป็นปกติครับ ถ้าใครไม่เคยก็น่าจะลองดู ไม่ต้องถอดใส้ ออกมาก็ได้ครับ แค่ถอดตัวปล่องออกมาจากท่อข้ามแล้วมาฉีดพ่นน้ำก็โอเค แล้วครับ |
![]() |
![]() |
คำขอบคุณจาก : |
![]() |
#15 |
Join Date: Jun 2013
Location: Bangkok, Thailand
Posts: 430
Thanks: 250
Thanked 1,088 Times in 332 Posts
|
![]()
อันนี้เป็นงานที่ผมทำงานก่อนหน้านี้แล้ว แต่เห็นว่ามีประโยชน์เลยอยากเอามาแบ่งกันแก่สมาชิก
ก็คือการตรวจสอบ voltage regulator ที่อยู่ท้ายไดชาร์ท ต้องขออภยจริงๆไมได้ถ่ายขั้นตอน อย่างละเอียด เพราะตอนนั้นกะถ่ายไว้เป็นตัวอย่างอะไหล่อย่างเดียวค รับ แต่บอกได้เลยว่าถอด ไม่ยาก ขั้นตอนคือ 1. เพื่อความปลอดภัยน่าจะต้องถอดขั้วแบตออกก่อนครับ 2. ถอดขั้วทั้งสองตรงหลังไดชาร์ทออก 3. ถอดกรอบพลาสติกสีดำออก ตรงนั้นจะมีสกรูเล็กๆ 3 ตัวยึดอยู่ 4. จากนั้นก็ทำการถอด voltage regulator ซึ่งมีน๊อตยึดอยู่แค่สองตัว แค่นี้ก็ถอดออกมาได้แล้ว แต่ให้ระวังกรอบพลาสติกจะกรอบแตกเอานะครับ handle with care ครับงานนี้ (ที่จริงก็ต้องทุกงาน ![]() สาเหตุที่เป็นแรงบันดาลให้ตรวจสอบจุดนี้ก็เพราะว่าปั จจุบันตัวเลขโวลท์ที่แสดงอยู่ CAP นั้น ปาเข้าไป 15.5 Volt เข้าแล้ว (สตาร์ทเครื่อง) เกรงจะมีความเสียหายต่อระบบไฟ แต่พอดับ เครื่องก็จะลงมาอยู่ที่ 12.7-8 ปกติ ว่าจะหาโวลท์มิเตอร์ดีมาวัดดูซักที แต่ตอนนี้ขอเอา เรกูเลเตอร์มาเชคดูก่อน ซึ่งประเด็นนี้ก็เคยตั้งกระทู้ถามมาแล้วครั้งนึงครับ แต่ยังไม่ได้เชค Reg อันนี้เป็นตอนสตาร์ทเครื่องครับ จะเห็นว่า cap สองตัวแสดงค่าเท่ากันที่ 15.5 Volt ![]() อันนี้เป็นสภาพ Voltage regulator ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยถอดออกมาเลย ![]() ดูแปรงถ่านก็ยังเหลืออีกพอสมควร ยังใช้ได้อีกนาน ไว้เป็น episode หน้าละกัน แต่ฝุ่นเยอะต้องทำความสะอาดซักหน่อย แล้วก็อย่าลืมทำความสะอาดหน้า contact ทุกจุด ![]() ![]() ที่ผมพยายามแนะนำการ maintenanceเรื่องนี้ก็เพราะจุดนี้เป็นจุดที่เรามักป ล่อยปละละเลยครับ และมีสถิติจำนวนมากที่รถเสียสตาร์ทไม่ติด จำนวนไม่น้อยต้องแวะกินข้าวลิงระหว่างทาง ไฟไม่ชาร์ทเพราะไดร์สตาร์ทไม่สามารถผลิตกำลังไฟได้ เปิดมาดูปรากฎว่าแปรงถ่านด้วน กุดไม่เหลือไรเลย ถ้าเปลี่ยนเองคงไม่อยาก แต่ปัญหาคือเราไม่ทราบสาเหตุ เพราะไม่เคยเชค เลยต้องลำบาก เสียเวลา ลากรถเข้าอู่ แต่ถ้าเราตรวจเจอซะก่อนอย่างน้อยก็แก้ไขได้ทัน อย่างน้อยก็เป็นการลดความเสี่ยงครับ Last edited by LeMans24; 30-12-2014 at 10:55:57 AM. |
![]() |
![]() |
คำขอบคุณจาก : |
![]() |
#16 |
Join Date: Jan 2014
Location: Ladproa, BKK
Posts: 5,346
Thanks: 3,228
Thanked 1,487 Times in 1,119 Posts
|
![]()
แต่เคยอ่านพบ กท. เก่า ๆ ผมจำได้ว่า
กรณีชาร์จถึงระดับ 15 Volt เนี่ย ตัวVoltage regulator เสีย ทุกวันนี้เวลาขับ ผมจะดูไวล์ท ซึ่งคันผมจะอยู่ที่ 13.8-14.2 ไม่เกินนี้ |
![]() |
![]() |
คำขอบคุณจาก : |
![]() |
#17 |
Join Date: Jan 2006
Location: Saimai Bangkok
Posts: 6,397
Thanks: 2,833
Thanked 5,581 Times in 1,236 Posts
|
![]()
ลองใช้ Multi meter ตรวจสอบค่าแรงเคลื่อนไฟฟ้าดูหน่อย ถ้าเป็น 15.5V จริง ก็น่าจะสูงเกินไป ถ้า Charge ต่อเนื่องนานๆอาจทำให้เกิด Over charge ได้ครับ
|
![]() |
![]() |
![]() |
#18 | |
Join Date: Jun 2013
Location: Bangkok, Thailand
Posts: 430
Thanks: 250
Thanked 1,088 Times in 332 Posts
|
![]() อ้างถึง:
คงต้องเป็นโปรเจคต่อไปครับ แต่ที่มันขึ้น 15.5 v แล้วทำให้ผลเป็นกังวลเพราะว่า meter ตรง cap นั้น ตอนดับเครื่องใหม่ๆมันจะแสดง 12.8 v ซึ่งเข้าใจว่าเป็นตัวเลขปกติ เปิดเครื่องเสียงไปเรื่อยๆกำลังไฟ ก็จะลดลงๆ ตามปกติ นอกจากนั้น CAP ทัังสองตัวก็แสดงค่าตรงกัน ก็ยิ่งทำให้ดูมัน้ำหนักเข้าไปอีก แต่อย่างไร multi-meter ก็คงต้องหาซื้อมาแน่ๆครับ เพราะมีประโยชน์มาก ว่าแต่ควรซื้อแบบไหน ดีครับ (อนาลอก/ดิจิตอล) และ voltage regulator นี้ราคาประมาณเท่าไหร่ครับ |
|
![]() |
![]() |
![]() |
#19 |
Join Date: Jun 2013
Location: Bangkok, Thailand
Posts: 430
Thanks: 250
Thanked 1,088 Times in 332 Posts
|
![]()
ตอนนี้ Oxygen sensor ที่สั่งไปทาง ebay มาถึงแล้ว ก็คงต้องได้ฤกษ์เปลี่ยน o2 เซนเซอร์ตัวนี้ผม
สั่งมาเป็นแบบสเปคเดิม ซึ่งเเพงกว่าแบบ universal นิดหน่อย แต่ก็น่าสนกว่าครับ ปลั้กแบบสายแบบ เดิม ซื้อมาใส่ได้เลย ของใช้เวลาเดินประมาณ 1 อาทิตย์เต็มๆจากอเมริกา มาถึงโดยสวัสดิภาพ ![]() ตอนนี้เลยต้องมาทำการบ้านหนัก เพราะผมไม่มีแม่แรงยกรถ คือต้องมุดไปใต้ท้องแบบดิบๆกันเลย งานมุดใต้ท้องครั้งมีเป้าหม้ายในการ Maintenanceหรืออาจถึงขั้น replacement สองจุดใหญ่ๆ คือ 1. crankshaft position sensor อันนี้ท้าทายสุด อยากเข้าถึงเซนเซอร์สำคัญๆ ตั้งใจมานานหล่ะ 2. oxygen sensor อันนี้อยากเปลี่ยนเพราะรถวิ่งมาเยอะ 17X,000 โล เกินระยะมาเยอะ ไว้ยังไงจะมาอัพเดทความคืบหน้าครับ ภาพประกอบปลาวาฬลูกรักของผมที่ต้องหาทางลอดไปใต้ ท้องรถโดยไม่ยกรถ โชคดีที่ไม่ได้โหลด 5555 ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
![]() |
![]() |
คำขอบคุณจาก : |
![]() |
#20 |
Join Date: Mar 2010
Location: กทม.
Posts: 740
Thanks: 355
Thanked 1,754 Times in 398 Posts
|
![]()
รออ่านเรื่อง O2 sensor ก็มาพอดี
กำลังจะเปลี่ยนเหมือนกันค่ะ ไม่ทราบว่าได้มาที่ราคาเท่าไหร่ และสั่งจากเว็ปไหนคะ เช็คราคาที่เมืองไทย ร้านนึงบอกมา 6500 อีกร้านบอก 3500 บาท ขอบคุณค่ะ |
![]() |
![]() |
![]() |
#21 | |
Join Date: Oct 2010
Location: meenburi-nong-chock
Posts: 1,013
Thanks: 765
Thanked 476 Times in 249 Posts
|
![]() อ้างถึง:
มัลติมิเตอร์ ถ้าไม่ซีเรียส ก็องแบบดิจิตอล มีตั้งแต่ราคาไม่กี่ร้อยบาท ก็ยังใช้ำด้ดีนะครับ เรื่องการใช้งานไม่ยากเลย อย่างคุณLeMans24 ผมว่าใช้ำด้อยู่แล้ว รอชมต่ครับ |
|
![]() |
![]() |
![]() |
#22 |
Join Date: Jan 2014
Location: Ladproa, BKK
Posts: 5,346
Thanks: 3,228
Thanked 1,487 Times in 1,119 Posts
|
![]() อ้างถึง:
ของผมหม้อต้มซ่อนไว้ใต้ครอบพลาสติก ฝั่งคนนั่งผมOrganized ใหม่ ให้ดูเรียบร้อยขึ้น เสียอย่างเดียวที่หัวฉีดแก็สผมย้ายมาไว้ด้านบน อาจดูไม่สวยงาม แต่จำเป็นเพราะต้องการวางหัวฉีดตั้งตามแรงโน้มถ่วงขอ งโลก แถมตัดแยกหัวเดี่ยวด้วย ตอนนี้สายแก็สยาวไม่เกิน 10 ซม. สั้นสุด 6.5 เซ็นต์ครับ |
![]() |
![]() |
![]() |
#23 | |
Join Date: Jun 2013
Location: Bangkok, Thailand
Posts: 430
Thanks: 250
Thanked 1,088 Times in 332 Posts
|
![]() อ้างถึง:
เชคตามร้านแถววรจักรแล้วแบบตรงรุ่นไม่มี มีแต่แบบuniversalที่ต้องมาแปลงปลั้กเอง สองพันกว่า ยิ่งไปกว่านั้น ก่อนหน้านี้ไปถามที่ศูนย์ก็บอกไม่มี ต้อง friegth มาจากนอกเบ็ดเสร็จแล้วหมื่นกว่า เลยถอยครับ แพงเกิน หน้าหมูต้องดูก่อนว่า 240 av ใช้ o2กี่ตัว ของผมโชคดีใช้ตัวเดียวเลยจบง่าย แต่ถ้าเป็นรุ่นใหม่หน่อยส่วนใหญ่ใช้ 2 ตัว คือติดตั้งอยู่ก่อนและหลังหม้อ cat ครับ ยิ่งถ้าเครื่อง V บางคันอาจใช้ถึง 4 ตัว (สำหรับ bank1 และ bank2) อันนีั้หนักหน่อย แต่เปลี่ยนแล้วดีขึ้นจริงครับ (แสดงว่าอันเก่ามันเสียจริงๆ อิอิ) |
|
![]() |
![]() |
คำขอบคุณจาก : |
![]() |
#24 | |
Join Date: Jun 2013
Location: Bangkok, Thailand
Posts: 430
Thanks: 250
Thanked 1,088 Times in 332 Posts
|
![]() อ้างถึง:
อีกอย่างรถก็ไม่ค่อยได้เอาออกมาวิ่งเท่าไหร่ครับ เฉลี่ยแล้ววิ่งอทิตละครั้ง วันทำงานใช้รถยุ่นครับ วิ่งเมืองก่อนหน้านี้ยังไงๆก็ไม่ถึง 5 โลลิตร ซึงผมก็พยายามสังเกตุมันมาตลอด คันนีั้อยู่กับผมมา สิบปีแล้ว แต่ก่อนวิ่งในเมือง 5-6 โลลิตร นอกเมือง 8 โลลิตร แล้วพฤติกรรมคนขับ ถ้าใต่เพดานบิน ได้แล้วแช่ไว้ที่ 90 - 100 km/h ยาวๆ อาจได้ถึง 9 โลลิตร แต่เดี่ยวนี้ไม่ใช่แล้ว เลยต้องนั่งไล่ซ่อม อุปกรณ์ต่างๆที่ส่งผลโดยตรง ซึ่งตอนนี้ก็ไล่มาเกือบหมดแล้ว ดีขึ้นเป็นลำดับเหลือแต่O2sensor ที่เพิ่งได้ฤกษ์ติดตั้งวันนี้ จากที่ไปลองวิ่งมาระยะนึงก็ดีขึ้นครับ รู้สึกได้เลยว่ากินน้ำมันน้อยลงจริงๆ ในรูปประกอบ ปกติถ้าแช่ไว้ที่ความเร็ว 80 km/h เข็มอัตราการบริโภค(อันบนขวา)จะอยู่ประมาณ ขีดกลางระหว่าง 5 กับ 10 แต่ลองวิ่งวันนี้หลังติดตั้งO2แล้วเข็มตกมาอยู่ที่ 5 แสดงว่ากินน้อยลง ![]() |
|
![]() |
![]() |
คำขอบคุณจาก : |
![]() |
#25 |
Join Date: Apr 2012
Posts: 1,642
Thanks: 4,149
Thanked 2,120 Times in 816 Posts
|
![]()
พอได้ฟังว่าอยากรักษาไว้สภาพเดิมๆ ผมก็อยากรักษาไว้มั่ง การดูแลแบบยังไม่ติดแก๊สง่ายกว่า ผมจึงใช้แต่น้อยเท่าที่จำเป็น ยกเว้นสถานการณ์ในอนาคตมันเปลี่ยน
เรื่องการใช้มัลติมิเตอร์พอจะให้ความเห็นได้บ้าง Multi meter คือมาตรวัดที่วัดได้หลายอย่างเช่น แรงดัน(Voltage) กระแสไฟ(Current)ทั้งไฟกระแสตรงและไฟกระแสสลับ รวมถึงวัดค่าความต้านทาน เป็นต้น เดิมทีจะเป็นแบบเข็มหรือที่เรียกว่าAnalog เมื่อก่อนยี่ห้อSanwaจะเป็นที่นิยม ปัจจุบันแบบDigitalหรือแสดงผลเป็นตัวเลขจะเป็นที่นิย มเพราะอ่านค่าง่ายกว่า ใช้ผิดบ้างถูกบ้างถ้าไม่หนักหนาสาหัสมันก็ยังไม่เสีย ง่ายๆ แต่ความแม่นยำในการวัดรวมถึงเสถียรภาพมักขึ้นอยู่กับ ราคาด้วย ลองๆเดินดูแถวบ้านหม้อ-คลองถม หรืออยากได้ของดีแต่ราคาแพงก็ค้นหาจากอากู๋ได้ครับ |
![]() |
![]() |
คำขอบคุณจาก : |
![]() |
#26 |
Join Date: Jan 2014
Location: Ladproa, BKK
Posts: 5,346
Thanks: 3,228
Thanked 1,487 Times in 1,119 Posts
|
![]() อ้างถึง:
** รถติด ๆ หรือวิ่งอัดมาก็จะไม่สวิงมากอย่างที่ท่านบอกข้างต้นใ ช่หรือไม่? แบบนี้คันผมเจ้าของเก่าคงโดนช่างเปลี่ยน 71 แน่ ๆ ผมเองก็ไม่ชอบการแก้ปลายเหตุ พอได้มา 3 เดือน ผมเปลี่ยนหม้อน้ำ เปลี่ยนข้อต่อสามทางเหล็ก ล้างหม้อต้มแก็ส เจอตะกรันตรึม คราวนี้เลยกลายเป็นร้อนช้า แต่จะเปลี่ยนหลายที ยังหาวิธีถอดเสือวาวล์น้ำไม่ได้ เหมือนจะโดนกาวอีกแล้ว มี สมช ใช้เหล็กพาดแล้วงัด ผมยังอยากหาแนวทางอื่น ไม่รีับ เพราะระยะหลังใช้สัปดาห์ละครั้งเหมือนทั้ง 2 ท่าน ปล เชียร์ให้ซื้อมัลมิเตอร์มาเลย ผมตัดเอาหัวเสียบที่จุดบุหรี่พวกปลั๊กพ่วงที่เสียแล้ ว เวลาขับไปไหนเอาขั้วจี้ดูแรงไฟไดชาร์จได้ ผมซื้อปากกาA/F มาแล้ว แต่ไม่อยากเจาะลายไม้ เลยยังไม่ติดสักที อีกอย่างผมเพิ่งDIYแผงใต้คอพวงมาลัยเสร็จไป ปิดรูพรุนเพราะช่างใช้ไฟจี้รูน้อตหมดสวยเลย **แล้วใช้วัดโอห์มเทอร์มิสเตอร์ในMAFให้ที ผมอยากลองDIYย้ายสายมารวมไว้ในMAF เจ้าตัวThermisterนี่ หน้าตาเหมือนตัวที่ผมDIYใส่หม้อต้ม ขี้เกียจไปบ้านหม้อ น่าจะตัวละบาท สั่งทางอีเบย์เอาแพงกว่า 10 เท่า แล้วที่ท่านซื้อO2 SENSOR รวมค่าส่งตกเท่าไหร่ โดนภาษีไหมครับ อันเก่าขายต่อผมได้นะ จะตัดเอาขั้วมาใช้ |
![]() |
![]() |
คำขอบคุณจาก : |
![]() |
#27 | |
Join Date: Jun 2013
Location: Bangkok, Thailand
Posts: 430
Thanks: 250
Thanked 1,088 Times in 332 Posts
|
![]() อ้างถึง:
แบบนี้เข็มความร้อนตกมาอยู่ 80 ครับ แต่อันนี้ขนาดอากาศเย็นๆ (อุณภูมิในหน้าปัด 23องศา) ก็ยัง คุมให้นิ่งอยู่ที่กึ่งกลางได้ ถือว่าเป็นที่น่าพอใจครับ รถติดในเมืองก็ขึ้นมาหน่อย แต่ไม่ถึงขีดบนครับ ส่วน O2 นั้นได้มาในราคา 2600 ค่าส่งอีก 900 ครับ ไม่โดนภาษีครับ ไปรษณีย์มาส่งถึงบ้านเลย ส่วนอันเก่านั้นมีคนมาสอยไปเรียบร้อยแล้วครับ ![]() ![]() |
|
![]() |
![]() |
คำขอบคุณจาก : |
![]() |
#28 |
Join Date: Jun 2013
Location: Bangkok, Thailand
Posts: 430
Thanks: 250
Thanked 1,088 Times in 332 Posts
|
![]() |
![]() |
![]() |
คำขอบคุณจาก : |
![]() |
#29 |
Join Date: Jun 2013
Location: Bangkok, Thailand
Posts: 430
Thanks: 250
Thanked 1,088 Times in 332 Posts
|
![]() |
![]() |
![]() |
คำขอบคุณจาก : |
![]() |
#30 | |
Join Date: Jun 2013
Location: Bangkok, Thailand
Posts: 430
Thanks: 250
Thanked 1,088 Times in 332 Posts
|
![]() อ้างถึง:
ส่วนเรื่องรถ ผมว่า benz ที่ผลิตออกจำหน่ายก่อนปี 2000 น่าเก็บทุกรุ่นครับ ยังมีความเป็น Benz อยู่เต็มตัว ทั้งคุณภาพการผลิต วัสดุอุปกรณ์ ฟิลลิ่งการขับ ฯลฯ ซึ่งหาไม่ได้แล้วใน Benz รุ่นใหม่ๆ มนต์เสนห์แห่งตำนานเริ่มเสื่อมไปตามกระแสการแข่งขันท ี่รุนแรงตามยุคสมัย ![]() ![]() ![]() ![]() |
|
![]() |
![]() |
คำขอบคุณจาก : |
![]() |
Thread Tools | Search this Thread |
Display Modes | |
|
|