สอบถามจุดอ่อนของ W124 พอดีจะมาเล่นโรงล่ะครับ - -

teddy

New member
อยากทราบว่ารุ่นนี้มีจุดอ่อนที่ตัวบอดี้ตรงไหนบ้าง แล้วพวกระบบไฟหน้าปัดเบาะ หรือดีเทลที่เสียบ่อยๆ ของรุ่นนี้ มีอะไรไหม

เรื่องเครื่องยนต์ผมคงหาเจ เพราะเน้นใช้งานครับ

รบกวนทุกคนนะครับ
 
จุดอ่อนคืออายุพ้นวัยรุ่นแล้ว นอกนั้นไม่มีถ้าพูดกันเรื่องรถ ปัญหาเหรอใครใส่ใจดูแลก็มีความสุข ใครไม่ใส่ใจก็ว่าไปตามสภาพ ราคา100 ได้100 ราคา1000 ได้1000 คับ
 
อยากทราบว่ารุ่นนี้มีจุดอ่อนที่ตัวบอดี้ตรงไหนบ้าง แล้วพวกระบบไฟหน้าปัดเบาะ หรือดีเทลที่เสียบ่อยๆ ของรุ่นนี้ มีอะไรไหม

เรื่องเครื่องยนต์ผมคงหาเจ เพราะเน้นใช้งานครับ

รบกวนทุกคนนะครับ

ใครบอกมาเหรอว่าเน้นใช้งานต้องเครื่องเจ
 
เท่าที่ได้ยินมาจากการเป็นคนวงนอกนะครับ
จุดอ่อนของรุ่นนี้ก็คือ
เบรคที่ต้องอัพให้ทันอารมณ์ผู้เป็นเจ้าของ
กับตัวรถมีจุดอ่อนตรงฐานรองแบต ตะเขบรับกระจกหน้า หลัง ซุ้มล้อ ประมาณนี้ครับ

แต่ที่หนักๆ น่าจะเป็น
ทำให้เจ้าของต้องปันใจจากของรักอื่นๆ
มาประคบประหงมรถรุ่นนี้ครับ

ผิดถูกขออภัย
 
งงเหมือนกัน เน้นใช้งานเลยหาเจ แล้วเครื่องเดิมใช้งานไม่ได้หรอครับ
 
ผมว่ารถทุกคันย่อมมีจุดอ่อนที่แตกต่างกันไปอยู่ที่ว่าจะมีมากน้อยและที่สำคัญก็ขึ้นอยู่กะคนที่ใช้ด้วยว่าดูแลเค้าดีแค่ไหน
สำหรับ w 124 นี้ถามว่าอายุอานามถ้าเป็นคนก็เข้าวัยอายุมากแล้วแต่หากไปเปรียบเทียบกับรถยี่ห้ออื่นที่อายุเท่ากันบอกได้เลยว่ากินขาดแม้กระทั่งเรื่องของทรวดทรงองเอวแม้จะอายุมากแล้วแต่ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าสาวสวยๆแบบรถยุ่นที่ออกมารุ่นใหม่หัวปีท้ายปีแต่แปลกเจ้า w124 นี่ยังสวยแบบมีเสนห์แถมยังเซกซี่จนมีหนุ่มมองเหลียวหลังหากรักษาเค้าดีๆและผมว่ายังคงสวยไปอีกนานเลยทีเดียว
ใช่ครับจุดอ่อนที่เกิดคือตรงฐานแบตที่เป็นจุดอ่อนเพราะคนใช้ไม่ดูแลหรือหาทางแก้มันเพราะแบตมันมีรูระบายไอน้ำกรดออกมาเสมอหากไม่หาท่อยางมาใส่และปล่อยออกใต้ท้องมันก็พ่นลงบนฐานแบตเมื่อไรก็ผุครับและอีกอย่างตรงไหนที่คิดว่ามันผุง่ายทำไมไม่เอาน้ำยาไล่ความชื้นฉีดตรงนั้นบ่อยๆก็แก้ปัญหาได้แล้ว
สำหรับเครื่องคนที่แนะนำเอา เจ ลงคงอาจจะไม่ได้ศึกษารถรุ่นนี้ดีพอถึงแนะนำแบบนั้นเพราะการวางเจหากท่านคิดว่าจะใช้แบบสมบุกสมบันแล้วละก็คิดใหม่ได้เลยเพราะท่านจะเสียค่าซ่อมตลอดเวลาจนท้อและขายทิ้งความจริงเครื่องของเดิมดีมากๆอยู่แล้วสุดแสนจะทนอย่างของผมใช้วิ่งไปกลับ ลำปาง-กำแพงเพชร บางทีก็เข้า กทม ขับปกติจะอยู่ที่ 140 ตลอดบางทีก็รีบๆกดไป 170-190 ไม่เคยมีปัญหาแต่อย่างใดไม่เคยรวน ไม่เกเรเพราะผมจะคอยดูแลทุกจุดโดยเฉพาะน้ำมันหล่อลื่นทุกจุดให้ตรงเวลาและใช้ของที่มีคุณภาพเหมาะสมครับ
ทุกอย่างเล่าจากประสบการณ์การใช้รถรุ่นนี้ครับที่เกิดจากตัวผมเอง
 
Last edited:
ที่ถามอย่างนั้น เพราะผมทำงานกับคนญี่ปุ่นที่ผลิตเครื่องยนต์
ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเครื่องเยอรมัน อายุมากกว่าเครื่องญี่ปุ่นคูณสอง
เพราะเยอรมันไม่ไ้ด้ออกแบบเครื่องยนต์ไว้แค่วิ่งข้ามจังหวัด
แต่เค้าออกแบบให้วิ่งข้ามประเทศ โดยไม่ต้องหยุดพัก
ถ้าซ่อมแซมให้ถูกจุดแล้ว ไม่ต้องไปหาเครื่องเจหรอก
 
ผมเองก้อเคยคิดครับว่าจะเอามาวางเจครับ แต่ท้ายสุดผมก้อไม่เอา ถ้าถามความคิดเห็นผม รถเบนซ์ก็น่าจะเป็นเครื่อง benz ของผมเป็นเครื่อง M104 2800CC มันกอ้ไม่ได้ขี้เหร่อะไรครับสำหรับผมถือว่าความแรงเกินกับความต้องการครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นอยู่ที่เจ้าของครับ เครื่องเจ มันก้อมันส์ดีแต่ต้องวางจบนะครับ ถ้าไม่จบผมว่ายาวพาลจะไม่มีความสุขในการใช้รถด้วยครับ
ส่วนจุดอ่อนที่ผมเจอคือเรื่องเบรคตามที่เขาว่ากันหละ จริงจริงมันก็เบรคอยู่กับเบรคเดิมเดิมแต่ความรู้สึกมันจะเหมือนลุ้นหน่อยครับ ถ้าลองได้ up Brake step ต้นต้น หน้า 129 หลัง 140 หม้อลมใหญ่แต่นี้ก้อเบรคเหลือ เหลือแล้วครับยังไงลองดูครับ ขอให้โชคดี
 
จุดอ่อนไม่มี มีแต่จุดสลบ ทำไม่จบซักที ทำได้เรื่อยๆ

หมดจนซื้อรถป้ายแดงแรงๆได้แระ :p
 
ของผมก็เน้นใช้งานครับ ใช้ทุกวันด้วย เครื่องเดิมด้วย ใช้อย่างสบายใจไร้กังวล เพราะขับเจ้าตัวใหญ่นี่มีความสุข หมั่นดูแลเอาใจใส่หน่อยก็ไม่มีปัญหาหรอกครับ
 
จุดอ่อน

* สนิมกิน + ผุ ... เป็นมากกับรถก่อนปี 1992 ประกอบในประเทศ ที่ ... ขอบกระจกบานหลัง (กาวขอบยางเสื่อม, น้ำรั่ว ด้วย), ซุ้มล้อหลัง, พื้นรถ ทั้งด้านคนขับ และ คนนั่ง
* เฟืองกลไกปัดน้ำฝน แตก ทุกๆ 2 - 3 ปี
* หาช่างตั้งศูนย์ล้อเก่งๆ ยาก
* พัดลมหน้าเครื่องเสียงดัง
* การเปลี่ยนคอยล์เย็นระบบแอร์ ต้องรื้อคอนโซลหน้าออกหมด
* ระบบเกียร์ออโต้ ไม่ฉลาด ตอบสนองไม่ทันใจ (แต่ทน)
* มุมมองกระจกมองข้างขวา อับ แคบ ถ้าคนขับที่ไม่คุ้น อันตราย
* เบรคเดิมๆ ไม่พอ เหมาะสำหรับคนที่ขับรถไม่เร็ว
* ทั้งเครื่อง, เกียร์ ใช้น้ำมันหล่อลื่น จำนวนมากกว่าเพื่อน
* คันเร่งหนัก
 
จุดอ่อน

* สนิมกิน + ผุ ... เป็นมากกับรถก่อนปี 1992 ประกอบในประเทศ ที่ ... ขอบกระจกบานหลัง (กาวขอบยางเสื่อม, น้ำรั่ว ด้วย), ซุ้มล้อหลัง, พื้นรถ ทั้งด้านคนขับ และ คนนั่ง
* เฟืองกลไกปัดน้ำฝน แตก ทุกๆ 2 - 3 ปี
* หาช่างตั้งศูนย์ล้อเก่งๆ ยาก
* พัดลมหน้าเครื่องเสียงดัง
* การเปลี่ยนคอยล์เย็นระบบแอร์ ต้องรื้อคอนโซลหน้าออกหมด
* ระบบเกียร์ออโต้ ไม่ฉลาด ตอบสนองไม่ทันใจ (แต่ทน)
* มุมมองกระจกมองข้างขวา อับ แคบ ถ้าคนขับที่ไม่คุ้น อันตราย
* เบรคเดิมๆ ไม่พอ เหมาะสำหรับคนที่ขับรถไม่เร็ว
* ทั้งเครื่อง, เกียร์ ใช้น้ำมันหล่อลื่น จำนวนมากกว่าเพื่อน
* คันเร่งหนัก

พี่คริสพูดหมดแล้ว แล้วผมจะพูดอะไรดี
นึกออกอย่างเดียว รถแปลงบวกรถย้อมแมวมีเยอะ ระวังดีดี
 
เท่าที่ใช้ยุโรปมาสองยี่ห้อ MB opel และ ดุแลไอ่กันให้เพื่อนอีกคัน ford ผมว่าจุดอ่อนที่สำคัญเหมือนกันคือ แปลง คันไหนก็ตามที่ถูกแปลงปวดหัวทุกคัน
 
จุดอ่อน

* สนิมกิน + ผุ ... เป็นมากกับรถก่อนปี 1992 ประกอบในประเทศ ที่ ... ขอบกระจกบานหลัง (กาวขอบยางเสื่อม, น้ำรั่ว ด้วย), ซุ้มล้อหลัง, พื้นรถ ทั้งด้านคนขับ และ คนนั่ง
* เฟืองกลไกปัดน้ำฝน แตก ทุกๆ 2 - 3 ปี
* หาช่างตั้งศูนย์ล้อเก่งๆ ยาก
* พัดลมหน้าเครื่องเสียงดัง
* การเปลี่ยนคอยล์เย็นระบบแอร์ ต้องรื้อคอนโซลหน้าออกหมด
* ระบบเกียร์ออโต้ ไม่ฉลาด ตอบสนองไม่ทันใจ (แต่ทน)
* มุมมองกระจกมองข้างขวา อับ แคบ ถ้าคนขับที่ไม่คุ้น อันตราย
* เบรคเดิมๆ ไม่พอ เหมาะสำหรับคนที่ขับรถไม่เร็ว
* ทั้งเครื่อง, เกียร์ ใช้น้ำมันหล่อลื่น จำนวนมากกว่าเพื่อน
* คันเร่งหนัก

ผมคน1ที่รับใด้และพร้อมจะเล่นกับมัน
 

จุดอ่อนของ W124 คือรถมันเก่า อายุมันมาก
ชิ้นส่วนต่างๆมันก็ทยอยหมดอายุ ต้องเปลี่ยน ต้องซ่อม
ทำใหม่แล้วมันก็ใช้ดี ใช้นาน ใช้ทน ไม่ต้องทนใช้
สภาพตัวถังดี ไม่ผุ หาค่อนข้างยาก
ซื้อมาถ้าเจ้าของเดิมดูแลไม่ถึง
ค่าใช้จ่ายในการปรับสภาพก็จะสูงหน่อย
มีรายการให้ทำเรื่อยๆ ไม่เบื่อ ตามกำลังทรัพย์ และเวลา

 
ผมวิ่งรวดเดียวหนึ่งพันกิโลเมตรเดือนละสองครั้งครับไม่แวะพักด้วยแค่เติมน้ำมันกะแก๊สเท่านั้นครับเครื่องยนต์ไม่เคยมีปัญหาให้ต้องแก้ไขระหว่างทาง...
 
ผมว่าจุดอ่อนก็คือเจ้าของรถที่คิดจะเอาเบนซ์ไปวางเครื่องมjz ตั้งแต่ยังไม่ทันได้เป็นเจ้าของครับ เลยทำให้มองไม่เห็นความดีของเครื่องเบนซ์ ตอนแรกผมก็คิดแบบ จขก. ครับ แต่พอได้เป็นเจ้าของ ได้วิ่งใช้งานจริงเดือนละเกือบหมื่นกิโล จากใต้จรดเหนือ เหนือจรดอีสาน และกลับใต้เดือนละครั้ง ใจผมลืมเครื่อง jz ไปเลยครับ เพราะทุกจังหวัดมีช่างซ่อมเบนซ์เต็มไปหมด ถ้าอะไรเสียแค่ยกหูสั่งอะไหล่ตรงรุ่นก็มาถึงในวันรุ่งขึ้น ถอดใส่ขับกลับๆปทำงานต่อได้เลย
เม่ือก่อนใช้รถยุ่นต้องคอยตั้งวาล์วทุกม20000 กม. ครบ แสนต้องเปลี่ยนสายพานไทมิ่งครั้งละะกือบหมื่น ขับเบนซ์แค่เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องอย่างเดียว(เฉพาะตัวเครื่องยนต์นะ) อย่างอื่น ๆ ก็เหมือนรถยุ่น
ส่วนเร่ืองเบรคเร่ืองเล็กมีให้อัพแบบไม่ต้องแปลง
เร่ืองผุ ถ้ารถยุ่นปีใกล้เคียงกันก็ผุเหมือนกัน เทียบกันปีต่อปีได้เลย แต่เบนซ์ผุน้อยกว่า
เร่ืองอีด ก็เลือกเคร่ืองใหญ่ ๆ สิ
เร่ืองเกียร์ออโต้ ถ้ารถยุ่นช่วงเดียวกันก็โง่เหมือนกัน
น้ำมันเคี่ืองใช้มากสิดี ระบายความร้อนได้ดี ถ้าเกิดรั่วก็รั่วได้นานกว่าน้ำมันเคร่ืองจะหมด เราก็อาจจะหยุดรถได้ทันก่อนที่
เคร่ืองจะพัง
รถยุ่นรุ่นใหม่ ๆ แม้แต่กระบะก็ต้องร้ือคอนโซลเวลาเปลี่ยนคอยล์เย็นเหมือนกัน
ตั้งศูนย์ล้อ ไม่ได้ตั้งบ่อย สอง สาม ปีกว่าจะคั้งที รู้ว่าช่างเก่งมีก็ไปหาช่างที่เคยทำ จะไปหาช่างอื่นทำไม
เฟืองมอเตอร์เสียของเก่าเพียบ ราคาไม่แพง
สำหรับผมนะ เบนซ์ไม่มีจุดอ่อนครับ มีแต่จุดแข็งตรงที่ว่าคุณจะกล้าซื้อมาใช้หรือเปล่าเท่านั้นเอง
 
จากประสบการณ์จริงของตัวเองครับ

ผมไม่คิดว่าเป็น จุดอ่อน แต่เป็น จุดเสียว มากกว่า
1.) ระบบเบรค เพราะน้ำหนักรถมาก มีแรงเฉื่อยมาก ถ้าไม่เคยชิน กะระยะเบรคไม่ดี มีเสียว
2.) เครื่องกระพือ เบาดับ (ผู้ต้องสงสัยเยอะหน่อย) เจอไฟแดงแต่ละที มีเสียว
3.) ความร้อนขึ้นสูง พัดลมเสียงดัง ขับเข้าซอย ขับเข้าบ้าน ชาวบ้านแตกตื่น นึกว่า ฮ ลง
หม้อน้ำและความร้อน มีเสียว
4.) น้องหนิม ตามจุดลับเฉพาะ (ใต้ฐานแบต / ขอบล่างประตูหน้าขวา / ซุ้มล้อหลัง)
5.) เสียงอันไม่พึงประสงค์จากเฟืองท้าย มันไม่เห่า แต่หอน (เข้าใจว่าเป็นบางคัน) มีเสียว
6.) เกียร์ออโต้ อายุมากแล้ว ต้องได้ฮอลล์สักครั้ง ไม่ช้าก็เร็ว ราว 20-25 ใบเทา มีเสียว
แต่ทุกปัญหา มีทางแก้ไข แก้ไขดีแล้ว สบายใจ หายห่วงครับ ใช้ดีได้อีกนาน ๆ เลยแหละ
พอปรับปรุงแก้ไขจบ ไม่มีอะไรทำ ก็เหงา หาเรื่องแต่งโน่น นี่ นั่น ไปเรื่อย ๆ อีกเยอะ
ทุกวันนี้ สนุกกับ W124 มีความสุขมาก รักเขาครับ

เป็นความเห็นส่วนตัวครับ ผิดถูกขออภัย
ลุงอุ๊น
 
ผมว่าจุดอ่อนก็คือเจ้าของรถที่คิดจะเอาเบนซ์ไปวางเครื่องมjz ตั้งแต่ยังไม่ทันได้เป็นเจ้าของครับ เลยทำให้มองไม่เห็นความดีของเครื่องเบนซ์ ตอนแรกผมก็คิดแบบ จขก. ครับ แต่พอได้เป็นเจ้าของ ได้วิ่งใช้งานจริงเดือนละเกือบหมื่นกิโล จากใต้จรดเหนือ เหนือจรดอีสาน และกลับใต้เดือนละครั้ง ใจผมลืมเครื่อง jz ไปเลยครับ เพราะทุกจังหวัดมีช่างซ่อมเบนซ์เต็มไปหมด ถ้าอะไรเสียแค่ยกหูสั่งอะไหล่ตรงรุ่นก็มาถึงในวันรุ่งขึ้น ถอดใส่ขับกลับๆปทำงานต่อได้เลย
เม่ือก่อนใช้รถยุ่นต้องคอยตั้งวาล์วทุกม20000 กม. ครบ แสนต้องเปลี่ยนสายพานไทมิ่งครั้งละะกือบหมื่น ขับเบนซ์แค่เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องอย่างเดียว(เฉพาะตัวเครื่องยนต์นะ) อย่างอื่น ๆ ก็เหมือนรถยุ่น
ส่วนเร่ืองเบรคเร่ืองเล็กมีให้อัพแบบไม่ต้องแปลง
เร่ืองผุ ถ้ารถยุ่นปีใกล้เคียงกันก็ผุเหมือนกัน เทียบกันปีต่อปีได้เลย แต่เบนซ์ผุน้อยกว่า
เร่ืองอีด ก็เลือกเคร่ืองใหญ่ ๆ สิ
เร่ืองเกียร์ออโต้ ถ้ารถยุ่นช่วงเดียวกันก็โง่เหมือนกัน
น้ำมันเคี่ืองใช้มากสิดี ระบายความร้อนได้ดี ถ้าเกิดรั่วก็รั่วได้นานกว่าน้ำมันเคร่ืองจะหมด เราก็อาจจะหยุดรถได้ทันก่อนที่
เคร่ืองจะพัง
รถยุ่นรุ่นใหม่ ๆ แม้แต่กระบะก็ต้องร้ือคอนโซลเวลาเปลี่ยนคอยล์เย็นเหมือนกัน
ตั้งศูนย์ล้อ ไม่ได้ตั้งบ่อย สอง สาม ปีกว่าจะคั้งที รู้ว่าช่างเก่งมีก็ไปหาช่างที่เคยทำ จะไปหาช่างอื่นทำไม
เฟืองมอเตอร์เสียของเก่าเพียบ ราคาไม่แพง
สำหรับผมนะ เบนซ์ไม่มีจุดอ่อนครับ มีแต่จุดแข็งตรงที่ว่าคุณจะกล้าซื้อมาใช้หรือเปล่าเท่านั้นเอง

ถูกต้องนะคราบบบบบบบบบบ:n45::n45::n45::n45: จุดอ่อนมันอยู่ที่ว่าคุณจะซ่อมมันถึงหรือป่าว ไม่อยากให้เรียกมันว่าจุดอ่อนเลยครับ มันคือเอกลักษณ์ของรถมากกว่า คือคันเร่งมันแข็ง เฟืองท้ายหอนส่วนอื่นๆเป็นไปตามอายุของรถครับ(ชื่อมันก็บอกอยู่แล้วว่าลด มันคงไม่เพิ่มหรอกครับ)
 
ใช้เถอะพี่คุ้มแน่นอน จุดอ่อนอยู่ที่กิเลสในตัวพี่นั้นแระครับ ของแต่งมันเยอะไปหมดพี่จะหักห้ามใจไหวรึป่าว :icon_razz:
 
Back
Top