DIY Code Reader

ถ้าไม่ใช้ LED ใช้หลอดใส้ 12 v แบบหลอดที่ใส่ในสวิชต์แอร์ ได้ไหมครับ

หรือเอาอ๊อต ต่อเข้าไปแทน LED
 
Last edited:
ถ้าไม่ใช้ LED ใช้หลอดใส้ 12 v แบบหลอดที่ใส่ในสวิชต์แอร์ ได้ไหมครับ

หรือเอาอ๊อต ต่อเข้าไปแทน LED

คงจะไม่ได้ครับ
เพราะหลอดไฟ หรือ ออด ทั่วๆไป ไม่เป็นไดโอดในตัว
เพราะวงจรนี้ ต้องใช้ หลอด ที่เป็นไดโอดครับ

แต่ อาจเป็นไปได้ ถ้า ต่อไดโอดเพิ่ม
แต่ สิ่งนึง ที่ต้องคำนึง คือ กระแส แอมแปร์
ไม่รู้ว่า ถ้า มากไป จะเป็นไง
 
จาก คราวที่แล้ว ที่เช็ค เจอ CODE 23
IGNITION OUT PUT or COIL STAGE2


ได้รับคำแนะนำจากพี่ 421
ให้ ลองเปลี่ยนหัวเทียน เป็น เบอร์ ตรง คือ BOSCH F8DC

วันนี้ ได้ จัดการเปลี่ยนเรียบ 6 ตัว

มีการเปลี่ยนแปลง ที่สังเกตได้ คือ
เครื่องยนต์ เดิน นิ่ง กว่า เดิม แม้ว่า อยู่ ที่รอบเดินเบา เข้าเกียร์ D
และ เหยียบเบรค ค้างไว้
สรุป เบื้องต้นได้ว่า หัวเทียน F8DC ให้การจุดระเบิด ที่ดี กว่า

ขออธิบายซักนิดว่า
ก่อนเปลี่ยน รอบเดินเบา ของผมเอง ก็ นิ่งอยู่แล้ว
แต่ บางทีเดินเบา และ เข้าเกียร์ D เหยียบเบรคไว้
สามารถ รู้สึก ได้ ถึง การสั่นสะเทือน เบาๆ จากห้องเครื่อง
หัวเทียน ที่ผมใช้ ยังใหม่มากๆ ครับ

หลังเปลี่ยน
F8DC4

แทบจับผิด การสั่นสะเทือนไม่ได้เลย
แต่ CODE 23 ยังอยู่ครับ

ตอนนี้ คัน อยากเล่นกับมันดูซักกะหน่อย

หัวเทียน ดีแล้ว ทดสอบแล้ว ดี
ปลั๊ก ใต้คอยล์ สลับ ดูแล้ว เปลี่ยนเอาในสต๊อกเก่า มาใช้
วัดโอห์ม เช็ค หน้าสัมผัสแล้ว ไม่มีปัญหา
คอยล์ ลองสลับแล้ว ลองเอา ของในสต๊อก มาใส่แล้ว
สรุปได้ว่า ดี

เหลือ อย่างเดียว ที่ ไม่มีลองสลับ คือ สายหัวเทียน
ขี้ เกียจ ถอด ของ อีกคัน มาลอง เดี๋ยว แม่จะบ่น ไม่มีรถใช้
เขา ชอบ ขับไป มา ทั้งวัน

ตอนนี้ ก็เลย ได้ ขอซื้อ สายหัวเทียน 421 จากพี่421 มา
อีก ซัก 2วัน น่า จะได้รับ
บางที สายเก่า ของผม มันอาจแก่เกินไป ก็ได้
ถึงแม้ วัดโอห์มดูแล้ว ก็ ได้ 2K
แต่ เมื่อ เข้าไปอยู่ ในเครื่อง เจอความร้อนเข้า ไป
อาจไม่ใช่

เอาน่า สนุกกับมันซะหน่อย

ถ้า หาย ก็ แล้วไป:D
ถ้า ไม่ เดี๋ยว ว่าต่อ :mad:
 
มาอัพต่อ เรื่อง CODE 23

ความเดิม คือ เปลี่ยนหัวเทียน ไม่หาย

เปลี่ยนสายหัวเทียน421 ไม่หาย

ล่าสุด เปลี่ยนคอยล์ ใหม่เอี่ยม ไม่หาย

รถหนะ ก่อนหน้านี้ ก็ขับดีอยู่ ถึง ตอนนี้ ก็ขับดียิ่งขึ้น

มันเป็นเพราะความคัน ของ CODE 23 รบกวนจิตใจผมมาก

ตอนนี้ ซื้อ รีเลย์ โอเวอร์โหลด ใหม่เอี่ยม

เดี๋ยวพอเปลี่ยนแล้ว ไม่หาย ว่ากันอีกที




ข้อสังเกต


CODE นี้ อาจจะ น่าจะ เกิด ตอน START เครื่อง

พอ ตอน เคลียร์ แล้ว เช็ค ขณะ เดินเครื่อง ไม่เจอ


พอ ดับ แล้ว สตาร์ท ใหม่ แล้ว เช็คขณะเดิน เครื่อง เจอ
 
ตอนช่วงสตาร์ทเครื่องลองใช้โวล์ทมีเตอร์วัดที่ขั้วไฟแรงต่ำ ด้าน Primary ของ Coil และไฟที่ป้อนตัว Ignition Module ดูครับ ถ้าแรงเคลื่อนต่ำมาก เช่นต่ำกว่า 10 Volt อาจเป็นไปได้ว่าสายไฟที่ต่อมายัง Ignition Module หรือที่ต่อวงจรมาที่ Coil อาจไม่สะอาดพอหรือหลวมก็เป็นได้ครับ
บางวงจรจะมีสายไฟต่อมาจากขั้วมอเตอร์สตาร์ท เพื่อเอาไฟลัดตรงมาที่ระบบจุดระเบิดในช่วงที่สตาร์ทด้วยครับ ถ้าสายเส้นนี้หลวมก็อาจเกิดอาการเครื่องยนต์จะติดช่วงปล่อยกุญแจก็มีครับ :)
 
สำหรับท่านใดที่มีพื้นฐานด้านไฟฟ้ามีไม่มากนัก(แบบผมเนี่ย)ก็ใช้ LED แบบสำเร็จที่อยู่ในหลอดแบบนี้ได้นะครับ เอาแบบ 12 โวลต์ ที่เหลือก็ แค่ต่อตามไดอะแกรม(แทน LED 12 โวลต์ ในไดอะแกรมด้วยเจ้าหลอดสำเร็จ) ที่คุณManit นำเสนอ(รูปแรก)โดยไม่ต้องใส่ไดโอดเพิ่มครับ อันนี้ลองแล้วเป็นอันใช้ได้ครับ

4img_2829.jpg


อ่อ ใช้สีแดง ครับ เห็นชัด ใช้พลังงานน้อย
 
Last edited:
สำหรับท่านใดที่มีพื้นฐานด้านไฟฟ้ามีไม่มากนัก(แบบผมเนี่ย)ก็ใช้ LED แบบสำเร็จที่อยู่ในหลอดแบบนี้ได้นะครับ เอาแบบ 12 โวลต์ ที่เหลือก็ แค่ต่อตามไดอะแกรม(แทน LED 12 โวลต์ ในไดอะแกรมด้วยเจ้าหลอดสำเร็จ) ที่คุณManit นำเสนอ(รูปแรก)โดยไม่ต้องใส่ไดโอดเพิ่มครับ อันนี้ลองแล้วเป็นอันใช้ได้ครับ

4img_2829.jpg


อ่อ ใช้สีแดง ครับ เห็นชัด ใช้พลังงานน้อย

ลองทดสอบเช็คกับเครื่องยนต์แล้วใช่มั๊ยครับ
 
ทดลองแล้วครับ กับ m102 แต่มันมีช่องให้เสียบและสามารถแสดงผลได้ คือเบอร์ 7(ระบบแอร์น่ะครับ) ช่องเดียวเอง(ของผมมันมีทั้งหมดแค่8ช่อง และ เป็นกียร์แมนนวล)ครับ

เช็คแล้ว ได้ผลคือ 30 กับ 31 เป็นรายละเอียดเกี่ยวกับระบบหมุนเวียนน้ำร้อนที่ใช้กับฮีทเตอร์ (ก็แน่นอนแหละครับไม่ Error ก็แปลกแล้วเพราะรถผมติดแก๊สเอาน้ำร้อนไปใช้กับหม้อต้มแล้ว เลยปลดสายดูโอ้ ปั๊มไว้นิ)
 
Last edited:
มา update เรื่อง code 23
หลังจาก ได้เปลี่ยน โอเวอร์โหลดรีเลย์ ใหม่เอี่ยม
ก็ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ยังคง code 23
หลังจากขับขี่ ไป จบรอบ แล้วมาจับ CODE

แสดงว่า รีเลย์ ตัวเก่า ก็ ยังดีอยู่ คงเก็บเป็นสำรอง
ตอนนี้ ในคลังสำรองของผม มันชักมีมากขึ้นมากขึ้น

มีทั้ง รีเลย์ โอเวอร์โหลด สายหัวเทียน คอยล์จุดระเบิด
ผ้าเบรคหน้า บุ๊ชปีกนก กรองเครื่อง กรองอากาศ กรองเกียร์
กรองเพาเวอร์ ประเก็นเกียร์ สายพานหน้าเครื่อง ตัวตั้งสายพาน
โช๊คดันสายพาน ฝาปิดหม้อน้ำ วาวล์น้ำ ท่อยางหม้อน้ำบนล่าง
ล้อ 8 รู อีก 4 วง เฟืองวงเดือนปัดน้ำฝน ปั๊มติ๊กลูกใหญ่
กรองเบนซิล หัวเทียนF8DC น้ำมันเกียร์ออโต้

โอย สักวัน มันจะมากกว่านี้ อีกแน่

ว่าต่อ เรื่อง CODE 23

ตอนนี้ ผมสงสัย ไปที่ ECU
บางที คาปาซิเตอร์ อาจเสื่อม ยังลังเลอยู่
ว่า ควรไหม ที่จะคันต่อ ด้วยการ แกะออกมาดู ภายในมันซักกาหน่อย

หรือ ผมควร เลิกคันซักกาที

ขับขี่ ทุกวันนี้ ผม ยังจับผิด อาการสะดุด ไม่ได้เลยซักกาที

มันลื่นไปหมด แล้วทำมาย มันขึ้น CODE 23
IGNITION OUTPUT STAGE2 3-4 or COIL

พี่4 พี่ มานิตย์ พี่ฉุย จานKAZ

เป็น พี่ พี่จะทำไงคับ
 
เท่าที่พอจะนึกออกก็คงเหลือ ปลั๊กสายไฟเข้าคอยล์ ชุดสายไฟ แล้วก็กล่องละครับ
 
จานkaz ครับ

ชุดสายไฟ เคยเคลมกะบริษัท แล้ว เมื่อปี 47
ส่วกล่อง ตอนนั้น ก็ เช็ค เรียบร้อย เมื่อ ปีเดียวกัน

วันก่อนคันมือ ถอดกล่อง แกะมาดูวงจร ข้างใน

มองด้วยสายตา อุปกรณ์ ในวงจร ยังอยู่ในสภาพดี
คาปาซิเตอร์ 2 ตัว ก็ ดูดี ไม่มีบวม หรือเยิ้ม

มีบางจุด ในจุดบัดกรี่ มีตะกรันจับ ซึ่ง เข้าใจว่า เป็น
จุดไฟ + ตะกรันชอบจับ เหมือนขั้วแบต

ก็ ใช้ degrease cleaner พ่น แล้ว ปัดๆออก

ก่อนประกอบก็ ไม่ลืม ที่จะทำความสะอาด ปลั๊ก
ECU ทั้ง ผู้เมีย ทั้ง 2 ชุดสายไฟ

ประกอบ เสร็จ ติดเครื่อง ออกวิ่ง
กลับมาเช็ค ก็ เจอ CODE 23 เหมือนเดิม

ชักปลงๆแล้ว หลังจาก คัน มาซักพัก

กับ CODE 23

ตอนนี้เบื่อแล้ว


คงต้องเปิดหมวก อำลา แล้วครับ
 
งั้นต้องหาเหยื่อ(กล่อง)มาตกตกปลาแล้วครับ
 
มีโอกาสลงมา กทม ผมมีให้ยืมลองสับครับ
 
ผมก็ทำเอง แต่มีข้อสังเกตอยู่อย่างนึงอยากเล่า

คือ ถ้าใช้หลอดแบบ 3v และมาต่อนุกรมกับ R เพื่อทนกระแส ไม่ให้หลอดขาด มัน test error ไม่ได้ในบางตัวครับ
คือกดปุ่มแล้วไฟไม่ขึ้น ผมเลยต้องใช้สายไฟต่อตรงแทนอุปกรณืนี้ และ อ่าน code กระพริบจากปุ่มที่คอนโซลกลางรถ

จะให้ดีก็ใช้หลอด 12v ที่มี ความต้านทานในตัวน้อยๆ ไปเลยดีกว่า จะได้ไม่ต้องต่อ R

อื่นๆ ก็ใช้ดี ปรกติครับ
 
มีโอกาสลงมา กทม ผมมีให้ยืมลองสับครับ

ได้อ่านแล้ว รู้สึกอบอุ่นใจจังครับ

รู้สึก สังคม จะน่าอยู่อีกมาก ถ้า มีคนมีน้ำใจแบบพี่มากๆครับ

เมื่อไหร่ได้ลง กทม ผมจะต้อง แวะ หา พี่ๆ หลายท่าน แน่นอนครับ
 
ที่นึกออกอีกอัน

ปลั๊กหัวเทียนเบนซ์มันมีสองรุ่น
รุ่นที่เป็นยางทั้งอัน
รุ่นที่เป็นโลหะ

ถ้าเป็นอันหลัง ไฟอาจรั่วได้ครับ
 
ลองทำตัว code reader ตามวงจรข้างต้น
โดยใช้ led ธรรมดา แล้วใช้รีซิสเตอรต่อร่วม เสร็จแล้วลองทดสอบต่อเช็คดู error

ผลมีกระพริบ เพียงครั้งเดียว

สรุปผล การใช้แอลอีดีธรรมดาๆ ร่วมกับรีซิสเตอร์ โดยไม่ต้องใช้แอลอีดีตรงตามสเปกต้นแบบเดิมๆ เครื่องเช็คเออเร่อร์วงจรนี้ก็ทำงานได้
 
Last edited:
มายืนยัน ใช้แอลอีดีธรรมดา + คตท. อ่านค่าได้ปกติ ลองลบเออเรอร์โค๊ด ก็ลบออกได้ปกติ

สรุป ดัดแปลง หลอดแอลอีดีธรรมดา ตัวละบาท ใช้งานได้ดี.
 
Last edited:
ว่างๆ ในวันหยุดเลยลองทำตัว code reader ตามวงจรข้างต้น
โดยใช้ led ธรรมดา แล้วใช้รีซิสเตอรต่อร่วม เสร็จแล้วลองทดสอบต่อเช็คดู error

ผลมีกระพริบ เพียงครั้งเดียว จะสรุปผลว่าระบบไฟฟ้าในเครื่องยนต์สมบูรณ์ 100 เปอเซนต์ได้หรือไม่ครับ
เพราะว่าก่อนหน้านี้ไม่เคยลองตรวจสอบเออเร่อร์มาก่อนเลยครับ

สรุปผล การใช้แอลอีดีธรรมดาๆ ร่วมกับรีซิสเตอร์ โดยไม่ต้องใช้แอลอีดีตรงตามสเปกต้นแบบเดิมๆ เครื่องเช็คเออเร่อร์วงจรนี้ก็ทำงานได้ครับ

ท่านที่เคยลองทำด้วยตัวเอง ได้ผลเป็นยังไงบ้างครับ ขอแชร์ประสบการณ์ ด้วยครับ
ผมไม่แน่ใจ ครับ ว่า ใช้ R จะได้ค่า การอ่านที่ถูกต้องหรือไม่
แล้ว ทำไม ไม่ หา LED 12V โดยตรงครับ
ผมว่า เดี๋ยวนี้ เกลื่อนเลยนะ ตามร้านอะไหล่ หรือ ประดับยนต์


ทำแล้ว อ่าน สบายใจกว่าครับ ไม่วิตก ฝรั่งเขาทำเยอะแยะครับ
 
DIY ต่อยอด code reader

เป็นการจับอุปกรณ์ลงกล่องเล็กๆ
วัตถุประสงค์ก็ เพื่อความสะดวกตอนใช้งาน

โดยการติดสวิทช์กด กับหลอดแอลอีดี หน้ากล่องเอนกประสงค์เล็กๆ
ติดตั้งบานานาแจ๊คด้านหลัง วัดให้ลงตัว พอดีกับช่องเสียบในรถ
บัดกรีอุปกรณ์ไว้ภายในกล่อง
 

Attachments

  • PICT0011.jpg
    PICT0011.jpg
    12.2 KB · Views: 1,440
Last edited:
Back
Top